วิธีตรวจเช็ครถก่อนเดินทางไกล

2018-12-19 | 13:20:47
วันหยุดยาวการเดินทางกลับบ้านหรือการท่องเที่ยวต่างจังหวัด ด้วยรถยนต์เป็นอีกหนึ่งทางเลือกสำหรับการเดินทางในช่วงเทศกาลหรือวันหยุดยาว ดังนั้น ควรตรวจเช็ครถก่อนออกเดินทางทุกครั้งเพื่อควาามปลอดภัยทั้งผู้ขับขี่และผู้ร่วมเดินทางไปถึงผู้ใช้รถใช้ถนนร่วมกัน

1. "เช็คภายนอกรถรอบคัน" เช่น ชุดแต่งกันชนหน้าหลังว่ามีการสึกหรอหรือไม่ มีรอยฉีกขาดหรือไม่ หากมีควรรีบแก้ไขก่อนออกเดินทางเพื่อความปลอดภัยของผู้ขับขี่และผู้ใช้ถนน

2. "ยางรถยนต์" คือส่ิงที่จำเป็นลำดับต้นๆของรถยนต์เลยก็ว่าได้เพราะถ้าไม่มียางรถ รถยนต์ก็วิ่งไม่ได้นี่คือสัจธรรม
และถ้าหากยางเกิดแตกเวลาขับขี่อาจเกิดอัตรายแก่ผู้ขับขี่เองหรือผู้อื่นที่ใช้ถนนได้ดังนั้นการตรวจเช็คสภาพยางและลม
ยางก่อนเดินทางนั้นเป็นเรื่องสำคัญมาก ควรตรวจเช็คความแข็งอ่อน ความนุ่มของยาง "ลมยาง" ให้อยู่ในระดับ
ตามมาตรฐานของรถรุ่นนั้นๆ ซึ่งรถทุกคันจะมีปริมาณลมยางที่เหมาะสมบอกไว้(ส่วนใหญ่จะอยู่ที่ข้างประตูคนขับหรือฝาปิดที่เดิมน้ำมัน) ตรวจสอบสภาพของยางและความเสื่อมของสภาพของดอกยางว่ายังใช้ได้หรือไม่หากมีการเกิดรอยแตก
ลายงาที่ยางไม่ควรขับต่อไป ควรเปลี่ยนยางก่อนเดินทาง อายุของยางก็สำคัญไม่ควรเก่าจนเกินไปไม่ควรเกิน 4-5 ปี
นับจากวันที่เริ่มใช้งานครั้งแรก แต่นั้นไม่ได้หมายความว่ายางทุกเส้นจะมีอายุเท่ากันขึ้นอยู่กับการใช้งานของผู้ขับขี่
และระยะทางที่ใช้ไปแล้วด้วยนะครับ 

3. "เบรค" ระบบเบรคนั้นสำคัญมาก ระบบเบรคควรให้ศูนย์บริการตรวจเช็คสภาพของผ้าเบรคและระบบเบรคให้ดีก่อนออกเดินทางเพราะอัตรายมาก ไม่ควรปล่อยปะละเลย หากระบบมีปัญหาควรให้ศูนย์บริการทำการแก้ไขให้ใช้งานได้ดี เพื่อความปลอดภัยในการเดินทาง

4. "เครื่องยนต์" ควรตรวจสอบน้ำมันเครื่องระดับของน้ำมันเครื่องว่าเพียงพอหรือไม่ และตรวจเช็คดูรอยรั่วซึมต่างๆรอบห้องเครื่อง ใต้ท้องรถว่ามีน้ำมันไหลเยิ้มออกมาหรือไม่ สังเกตุง่ายๆจากการจอดรถยนต์ หากเราจอดรถทิ้งไว้และเมื่อเคลื่อนตัวรถออก แล้วมีรอยของน้ำมันเครื่องหกอยู่ ควรนำรถเข้าศูนย์บริการเพื่อตรวจสอบและแก้ไขก่อนออกเดินทางเพื่อการเดินทางที่ปลอดภัยทั้งตัวเราและผู้ใช้ถนนร่วมกัน

5. "ระบบหล่อเย็น" ตรวจเช็คน้ำหม้อน้ำและหม้อพักน้ำให้อยู่ในขีดที่กำหนดไว้ เพราะหม้อน้ำนั้นสำคัญกับเครื่องยนต์ไม่แพ้อุปกรณ์อื่นๆเลย  เนื่องจากเครื่องยนต์ต้องใช้หม้อน้ำในการหล่อเย็นให้กับเครื่องยนต์ เพื่อช่วยควบคุมเครื่องยนต์ไม่ให้ร้อนมากเกินไปจนอาจทำให้เครื่องน็อตได้ 

6. "น้ำฉีดกระจก"  น้ำฉีดกระจกปัดน้ำฝน  ควรตรวจเช็คให้มีน้ำเต็มอยู่เสมอ  เนื่องจากท่านไม่รู้เลยว่าการเดินทางข้างหน้าของท่านจะไปเจอน้ำเจอฝนหรือเจอกับส่ิงสกปรกอะไรบ้างที่จะมากระทบที่กระจกของเรา  ดังนั้นเพื่อความปลอดภัย  เราควรเติมน้ำให้เต็มเสมอเพื่อไว้ชำระล้างสิ่งสกปรกที่จะเกิดกับกระจกของเราโดยไม่คาดคิด

7. "ใบปัดน้ำฝน" ใบปัดน้ำฝน เราควรตรวจสอบให้อยู่ในสภาพที่พร้อมใช้งานหากดูแล้วสังเกตุเห็นว่าขอบยางเร่ิมเสื่อมสภาพก็ควรทำการเปลี่ยนเพื่อความปลอดภัยก่อนออกเดินทาง  

8. "แบตเตอรี่" แบตเตอรี่รถยนต์ก็เป็นอีกจุดที่สำคัญ ที่เราไม่ควรมองข้ามไป เพราะรถยนต์ต้องใช้ไฟจากแบตเตอรี่ในการสตาร์ทรถทุกครั้ง  หากแบตเตอรี่หมดการเดินทางของท่านก็อาจจะต้องหยุดชะงักได้ ดังนั้นเราจึงควรตรวจสอบแบตเตอรี่ว่ายังใช้การได้ดีอย่างสม่ำเสมอโดยอาจจะใช้เครื่องมือวัดโวลต์ของแบตเตอรี่ซึ่งหาซื้อได้ไม่ยาก หรือสังเกตุง่ายๆจากการสตาร์ทรถของเราเองในแต่ละครั้ง โดยปกติแล้วสังเกตจากการ
สตาร์ทรถยนต์ถ้าสตาร์ทติดยากแล้วเป็นแบตเตอรี่ที่ใช้งานมานานเกินกว่าสองปีสันนิษฐานเบื้องต้นเลยว่าแบตหมดแบตเสื่อมสภาพแล้วอายุการใช้งานของแบตเตอรี่จะอยู่ประมาณ 2 ปี โดยประมาณนะครับ


ทีมงาน Buycarthailand.com ขอให้ทุกการขับขี่ของท่านปลอดภัยทุกเส้นทางและทุกการเดินทางครับ


เเชร์บน :